การค้นหาความหมาย TACO และความสับสนของการค้าระหว่างประเทศ
ฉันจำได้ว่าลองชิมทาโก้ครั้งแรกในตลาดนัดแห่งหนึ่ง และรู้สึกทันทีว่ารสชาติที่หลากหลายช่างคล้ายกับความผันผวนในดีลธุรกิจ: ทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ดผสมกันไป คล้ายชีวิตจริงใน 250 อักษรที่จำไม่ลืม
ช่วงที่ผ่านมา มีคำหนึ่งปรากฏบ่อยบนอินเทอร์เน็ตคือ TACO หรือ “Trump Always Chickens Out” ซึ่งหมายถึง โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้นโยบายกำแพงภาษีหรือท่าทีแข็งกร้าวอยู่บ่อยครั้ง สุดท้ายมักจะถอยหรือผ่อนปรนเสียเอง อาจฟังดูตลก แต่หลายคนกลับมองว่ามันเป็นรูปแบบที่เห็นได้ซ้ำ ๆ เช่น “ขู่ก่อน แล้วก็ถอยทีหลัง” ตรงกับชื่อ TACO อย่างประหลาด ยิ่งเมื่อนึกถึงภาพที่ทรัมป์โพสต์กินทาโก้อย่างภูมิใจในตึกทรัมป์ ยิ่งดูเหมือนเรื่องล้อเลียนโดยชะตากรรม ฉันเองเคยเจอใน Reddit ที่มีคนตั้งกระทู้ถามว่า “มันจะเป็นอีกครั้งไหมที่ทรัมป์จะ TACO” และคนก็ตอบกันแบบอมยิ้ม
หากพูดถึง “TACO” บางครั้งจะจุดประเด็นเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของผู้นำว่าพอถึงเวลาเอาจริงก็เปลี่ยนท่าที ผู้ที่อยู่ในแวดวงการค้าต่างประเทศส่วนใหญ่จึงต้องคอยจับตาว่า คำขู่ในครั้งนี้จะเป็นจริงหรือเป็นแค่จุดตั้งต้นของการถอยอีกครั้ง เหมือนสำนวนจีนที่ว่า “สุภาพบุรุษพูดคำใดไปแล้ว หากถอนคำพูดได้ง่าย ย่อมไร้ศักดิ์ศรี” ซึ่งกระตุ้นให้คิดว่า ท้ายที่สุดคนก็จะเริ่มจับทางได้ และเทขายหรือเทซื้อสินทรัพย์ทางการเงินตามความคาดเดานั้น
ภาพจำง่าย ๆ คือ ตอนทรัมป์บอกว่าตนเองชอบกินทาโก้เป็นที่สุด นั่นทำให้คำว่า “taco” กลายเป็นตัวแทนการเสียดสีว่าจริง ๆ แล้วเขา “ชอบ” ยอมถอยมากกว่าจะบุกให้สุด แม้เจ้าตัวจะไม่พอใจและเรียกคำถามว่า TACO เป็น “คำถามน่ารังเกียจ” ในงานแถลงข่าว แต่โลกออนไลน์ก็หยุดหยอกล้อไม่ได้อยู่ดี ชวนให้นึกถึงสุภาษิตไทยบางอย่างที่บอกว่า “ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ” ยิ่งเจ้าตัวโต้แรงเท่าไร กระแสล้อเลียนก็ยิ่งแพร่สะพัด
ขั้นตอน | การแสดงออก | ผลลัพธ์ |
---|---|---|
ประกาศว่าจะใช้กำแพงภาษี | ปล่อยวาทะรุนแรง | ตลาดเกิดความผันผวน |
ยืดหยุ่นหรือถอยในภายหลัง | ผ่อนปรนหรือยกเว้นภาษี | ฉายา TACO ยิ่งเด่นชัด |
ทำไม TACO ถึงดูกวนประสาทแต่สะท้อนความจริง
คำว่า “Trump Always Chickens Out” ไม่ได้เกิดจากการสุ่ม แต่มาจากการสังเกตเหตุการณ์หลายครั้งว่าทรัมป์ข่มขู่ทางการค้าต่อจีน เม็กซิโก หรือประเทศพันธมิตร แล้วก็ลดความแข็งกร้าวลงในภายหลัง หลายคนจึงมองว่าเป็นยุทธวิธี “ขู่ไว้ก่อนแล้วค่อยเจรจา” แม้จะเป็นเกมการเมือง แต่พอใช้หลายครั้ง ผู้คนก็เห็นเป็นลูปซ้ำ จึงขนานนามให้แบบติดตลก ความฮาคือยังลากโยงไปถึงทาโก้อาหารโปรดของทรัมป์และการโปรโมต “taco bowl” ในตึกทรัมป์ กลายเป็นมีมที่ยากจะหยุดยั้งในโลกโซเชียล
ฉันเคยเห็นในทวิตเตอร์ (X) มีคนโพสต์ว่า “ไม่ว่าจะขู่ยังไง สุดท้ายก็ TACO ตามสูตร” หลายคนกดไลก์และรีทวีตทันที เพราะมันดูจะตรงใจผู้ที่เห็นรูปแบบเดิม ๆ ซ้ำไปมา สิ่งที่สะท้อนจริง ๆ คือ การย่อหย่อนต่อท่าทีของผู้นำระดับประเทศอาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือในระยะยาว ทำให้คนในวงการธุรกิจต้องหันมาสนใจว่า ครั้งนี้จะจริงหรือแค่ลมปากอีก
ผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเรา
แม้คำว่า TACO อาจเป็นแค่เรื่องขำขันสำหรับบางคน แต่สำหรับผู้ส่งออก ผู้นำเข้า หรือเกษตรกรที่คอยหวังการค้าราบรื่น ย่อมไม่ใช่เรื่องตลก ฉันเคยคุยกับคนรู้จักที่ปลูกผลไม้ส่งออก เขาบอกว่า พอทรัมป์ประกาศว่าจะเก็บภาษีสูงก็เครียดเตรียมรับมือ สุดท้ายกลับผ่อนปรน จึงถอนหายใจโล่ง แต่ถ้าถามว่ารู้สึกอย่างไร เขาตอบว่า “ลุ้นจนเหนื่อย แบบนี้เรียกว่า TACO ก็สมควรแล้วล่ะ”
เมื่อคนในวงการค้ารู้สึกได้ถึงความไม่แน่นอน มันส่งผลต่อการวางแผนและการลงทุน ความผันผวนแบบนี้ไม่ใช่แค่ในสหรัฐฯ แต่ยังลามไปทั่วตลาดโลก คนเลยเริ่มจับตา พอเห็นทรัมป์ออกมาขู่ปุ๊บ ก็คิดเผื่อว่าจะ “TACO” อีกหรือเปล่า บางคนถึงขั้นเก็งกำไรกับสภาวะนี้แล้วได้กำไรก็มี มันสะท้อนว่ามีมกับโลกความจริงบางทีก็เชื่อมโยงแนบแน่นเกินคาด
มุมมองจากวรรณกรรมและภูมิปัญญาโบราณ
ในโลกตะวันออก เราพูดถึงผู้นำที่ต้องรักษาคำพูดและเสถียรภาพเสมอ หากผู้นำกลับคำง่ายเกินไปจะเกิดความไม่ไว้วางใจ ภาพของ TACO จึงไปตรงกับแนวคิดว่าสัญญาที่ไม่มั่นคงย่อมกระทบความเชื่อมั่นของสังคม เหมือน “สัญญาว่าจะแข็งแกร่ง แต่กลับไม่กล้าทำตาม” ยุคดิจิทัลก็แค่ขยายให้คนทั้งโลกเห็นจนกลายเป็นมีม ฉันเคยอ่านเจอคำกล่าวจากภาพยนตร์ย้อนยุคว่า “เพียงพูด แต่ไม่อาจลงมือ คุณจะกลายเป็นเรื่องตลกของยุคสมัย” ซึ่งเข้ากับ TACO พอดิบพอดี
อันที่จริง ฉันว่าหากอยู่ในยุคสมัยก่อนอาจไม่มีคำว่า TACO แต่ก็อาจมีเรื่องเล่าหรือบทกลอนประชดประชันผู้นำที่พูดอะไรแล้วพลิกไปพลิกมาอยู่ดี เพียงแต่ปัจจุบันทุกอย่างไวและแพร่หลาย เหตุการณ์เกิดตอนเช้า ตอนบ่ายก็กลายเป็นมีมไปทั่วโลกแล้ว ชั่วข้ามคืนใคร ๆ ก็รู้จัก TACO
ฉันบางครั้งก็นั่งคิดว่า เราอาจขำกับ TACO แต่มันสะท้อนธรรมชาติของอำนาจที่มักไม่อยากให้ใครเห็นว่าเรากลัวหรือถอยหลัง ทว่าการเมืองระดับสูงไม่ได้ง่ายดาย นำไปสู่ความย้อนแย้งที่คนทั่วไปมองเห็นจุดอ่อนและจับมาแซวในที่สุด
อย่ามอง TACO เป็นเพียงเรื่องขำ เพราะนโยบายภาษีที่ไม่นิ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างรุนแรง ทั้งการส่งออก การนำเข้า และการจ้างงาน
เรื่องที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับ TACO
เป็นชื่อย่อ “Trump Always Chickens Out” สื่อว่าทรัมป์มักขู่จะทำอะไรแรง ๆ สุดท้ายถอยหรืออ่อนลง
เพราะทรัมป์เคยโพสต์กินเมนูทาโก้อย่างภาคภูมิ และ TACO ก็พ้องเสียงกับอาหารทาโก้ เลยกลายเป็นมีมกัดจิก
ดูเหมือนมุก แต่ผู้คนใช้สะท้อนพฤติกรรมซ้ำ ๆ ในการข่มขู่แล้วถอยในเชิงนโยบาย ซึ่งส่งผลต่อภาคการค้าจริง
หากผู้นำไม่ใช้ยุทธวิธีแบบนี้ซ้ำ ๆ อาจเงียบลงได้ แต่ตราบใดที่มีขู่แล้วถอน ก็คงมีคนยก TACO ขึ้นมาเรื่อย ๆ
บางคนเทรดเก็งกำไรล่วงหน้า คาดว่าทรัมป์จะถอย จึงวางแผนการลงทุนอย่างชาญฉลาด และทำกำไรได้จริง
ไม่แน่อาจมีการตั้งชื่ออื่น แต่หลักการก็คล้ายกัน ถ้าผู้นำชอบขู่แล้วถอย คนก็มักตั้งฉายาประหลาด ๆ ให้เสมอ
สรุปแล้ว TACO ไม่ได้เป็นแค่คำล้อเลียน แต่สะท้อนความกังวลในการเมืองและการค้าที่เปลี่ยนแปลงไม่หยุด ผู้นำอาจอยากแสดงความแข็งแกร่งเพื่อฐานเสียง แต่ก็เลือกจะถอยเมื่อเจอแรงต้าน กระตุ้นให้เกิดเสียงวิพากษ์ในรูปแบบมีม ใครจะคิดว่าภาพทาโก้ธรรมดา ๆ วันหนึ่งจะกลายเป็นสัญลักษณ์ประชดประชันนโยบายสหรัฐฯ ที่สุดแสนจะสับสน อย่างไรเสีย เราต้องจับตาดูต่อไปว่า TACO จะอยู่ไปอีกนานหรือจะเลือนหายตามกาลเวลา
เรื่องเล่า TACO และข้อสังเกตจากมุมเศรษฐกิจการเมืองในอนาคต
taco, trump, การค้า, trump taco meaning, TACO, ภาษี, ขู่แล้วถอย, แนวโน้ม, ผู้นำ, ตลาด